เบี้ยแก้ อาจารย์กา หรือหลวงตากา วัดแค อ.นครชัยศรี มีบัตรรับรองของสมาคม

เบี้ยแก้ อาจารย์กา หรือหลวงตากา วัดแค อ.นครชัยศรี
รายละเอียด
เบี้ยแก้ อาจารย์กา หรือหลวงตากา วัดแค อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม เจ้าของคำพูดที่ว่า “อยากอยู่อย่างสงบต้องรู้จักคบเสือเป็นเพื่อน” และเป็นเบี้ยที่ได้ชื่อว่า ทั้งแก้ ทั้งกัน เป็นมหาอุตม์หยุดปืน และให้ผลทางเสน่ห์อย่างแรง!...เพราะอะไรลองลงไปอ่านดูเป็นความรู้กันครับ.

ประสบการณ์กับผู้ที่ใช้กันเป็นอย่างมากทำให้การทำเบี้ยแก้ ไม่ทัน ไม่เพียงพอต่อความต้องการ ท่านจึงหุ้มด้วยมุ้งไนล่อนครอบเบี้ยแก้แทนการถักด้วยเชือก

•••••ลักษณะการจารอักขระเบี้ยของท่านอาจารย์กา(หลวงตา) จะมีการจารอักขระตัวกลางด้วยนะโมพุทธายะ ด้านข้างซ้ายเป็นตัวเฑาะว์ ด้านข้างขวาเป็นเฑาะว์มหาอุตม์ ตัวนี้แหละครับ ที่ยิงไม่ออก.....เป็นตัวเฑาะว์ ที่มีลักษณะของหางตัวเฑาะว์วนล้อมรอบกำบังตัวเอง ซึ่งก็เป็นอักขระยันต์หนุนที่หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วก็ชอบจาร..... โดยยันต์ชุดนี้อาจารย์กา(หลวงตา) จะจารที่ใต้แผ่นตะกั่วก่อนที่จะตีหุ้มเบี้ยแก้ และจารที่ผ้าแดงอีกครั้งก่อนที่จะหุ้มเบี้ยที่ตีตะกั่วหุ้ม แล้วจึงถักเชือกทับ จะเห็นได้ว่า เบี้ยของอาจารย์กา(หลวงตา) ท่านมีการจารอักขระถึงสองชุด โดยเฉพาะการกำกับด้วยอักขระยันต์หนุนคือ ตัวเฑาะว์มหาอุตม์ ดังนั้นเบี้ยแก้ของท่าน จึงที่มีพุทธคุณครอบคลุมทั้งแก้ ทั้งกัน และมีมหาอุตม์หยุดปืน

•••••อาจารย์กา(หลวงตา) เดิมเป็นคนสุพรรณบุรี เติบใหญ่ในยุคที่เสือร้าย เกลื่อนบ้านเมือง โดยเฉพาะที่สุพรรณบ้านเกิดของท่าน อาจารย์กา(หลวงตา) เคยเล่าให้ศิษย์ของท่านฟังว่า ถ้าอยากอยู่อย่างสงบสุข ต้องรู้จักคบเสือ เป็นเพื่อน เพราะว่าเมื่อเสือจะเข้าปล้น พอเอ่ยชื่อว่า เป็นเพื่อนกับเสือก๊กไหน กลุ่มไหน ก็จะรอดพ้นจากการถูกปล้น การที่ต้องคบเสือหลายก๊ก หลายกลุ่มเป็นเพื่อน ทำให้ท่านได้รู้ถึงวิชาไสยเวทย์ เพราะเหล่าเสือร้ายในสมัยก่อนส่วนใหญ่ก็จะมีความเชี่ยวชาญทางด้านไสยเวทย์ วิชาอาคม...ว่ากันว่า
อาจารย์กา(หลวงตา) ท่านมีอาจารย์ทางด้านไสยเวทย์ พุทธาคม ที่เป็นเสือปล้น ไม่ต่ำกว่า ๓คน ด้วยเหตุนี้ ทำให้ท่านมีดี มีวิชาตั้งแต่สมัยยังเป็นฆราวาส เก่งก่อนที่จะมาบวชเป็นพระซะอีก และเมือเข้าวัยหนุ่มมาบวชเรียน ก็ได้เรียนรู้เพิ่มพูนวิชาไสยเวทย์ และพุทธาคมเข้าไปอีก โดยท่านได้บวชเรียน และศึกษาวิปัสสนากรรมฐาน ตลอดจนภาษาบาลี สันสกฤต กับหลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จนแตกฉาน ท่านได้ธุดงค์ไปทั่วเพื่อศึกษาวิชาความรู้กับเกจิที่มีชื่อเสียงในยุคของท่าน หนึ่งในนั้น ก็คือ หลวงพ่อเต๋ คงทอง แห่งวัดสามง่าม แต่เพราะด้วยเหตุใดไม่ทราบได้ หรืออาจจะเป็นชะตาชีวิต ท่านถึงกลับต้อง บวชแล้วสึก สึกแล้วบวช เป็นอยู่อย่างนี้ถึง ๕ครั้ง และทุกครั้งที่สึกท่านจะได้เมียทุกครั้งไป_ของๆท่านจึงเป็นที่เรื่องลือหนาหูอีกว่า นอกจากจะ ทั้งกัน ทั้งแก้ ทั้งมหาอุตม์หยุดปืนแล้ว ยังมีคุณวิเศษยิ่ง มีดีทางมหาเสน่ห์ เมตรามหานิยมอย่างร้ายกาจอีกด้วย และ...
เหตุที่สึกครั้งที่๕ ก่อนจะบวชครั้งสุดท้ายไม่สึก และท่านละสังขาร ที่กุฏิของท่านภายในวัดแค ปัจจุบันอัฐิของท่านก็บรรจุอยู่ที่วัดแค_เหตุที่สึกมีบันทึกไว้ว่าเนื่องจากชาวบ้านวัดสัมปทวน นิมนต์ให้ท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านไม่ยอมรับจึงลาสิกขาบท และก่อนที่จะบวชครั้งสุดท้าย ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดแค ในสมัยท่านอาจารย์อ่อน เป็นเจ้าอาวาส โดยอาจารย์อ่อน ได้ให้ท่านเป็นเป็นถึงครูผู้สอนภาษา บาลีสันสกฤต

•••••จากการที่ได้มีการสอบถามจากเจ้าอาวาสวัดแคองค์ปัจจุบัน ผู้ซึ่งเป็นศิษย์ที่ได้รับการครอบครูจากท่านอาจารย์กา(หลวงตา) ทำให้ได้รับทราบความจริงว่า ท่านไม่ได้เป็นศิษย์ของหลวงปู่เพิ่ม (ตามที่หลายๆคนเข้าใจ) แต่จากการที่อาจารย์กา(หลวงตา) ท่านได้จำพรรษาหลายวัด และได้วิชาความรู้มากมาย หนึ่งในวิชาที่ท่านได้ก็คือ ตำราเบี้ยแก้ สายหลวงปู่รอด วัดนายโรง ซึ่งตัวอาจารย์กา(หลวงตา) เองจากความเชี่ยวชาญทางด้านวิปัสนาและอักขระขอม ทำให้ท่านทำเบี้ยแก้ที่มีพุทธคุณ ไม่ด้อยไปกว่าพระอาจารย์ท่านใด และในด้านมหาอุตม์และคงกระพัน เบี้ยของท่านกลับมีมาก โดยมีการทดลองยิงจากผู้ที่มาเช่าเบี้ยของท่านและจากประสบการณ์จากผู้ใช้จริง_เป็นความรู้ที่ควรค่าต่อการศึกษา และจดจำขอบคุณครับ

#ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก คุณ วัต ท่าพระจันทร์ ครับ